เรามีความรู้ภาษาอังกฤษพื้นฐานระดับ ม.ปลาย ค่ะ
เราเรียนสายวิทย์-คณิตฯ มา และภาษาไม่ได้เน้น
เมื่อเริ่มต้นเรียน มสธ. แขนงวิชาภาษาอังกฤษ
เราไม่เก่งเลยเมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น
แต่เราไม่ท้อค่ะ ด้วยความเชื่อที่ว่าคนเราสามารถพัฒนาตัวเองได้
เราไม่เก่งเลยเมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น
แต่เราไม่ท้อค่ะ ด้วยความเชื่อที่ว่าคนเราสามารถพัฒนาตัวเองได้
เราจึงเพิ่มความพยายามในการเรียนรู้
โดยเริ่มจากเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมในการเรียนให้เป็นภาษาอังกฤษ
เช่น เปลี่ยนเมนูในมือถือเป็นภาษาอังกฤษ
เช่น เปลี่ยนเมนูในมือถือเป็นภาษาอังกฤษ
ดาวน์โหลดแอพฯแปลภาษามาใช้
ติดตามแฟนเพจ/ทวิตเตอร์ ในเรื่องที่สนใจที่โพสเป็นภาษาอังกฤษ
ฯลฯ
แม้จะต้องเปิดดิกชันนารีบ่อยแค่ไหน ก็ทำค่ะ
คำศัพท์บางคำแม้จะค้นหลายครั้งแล้วแต่ก็ยังจำไม่ได้
เราไม่เครียดค่ะ เพราะเอาจริง ๆ แล้วไม่ใช่เราคนเดียวที่เป็นแบบนั้น
ก็ตอนหลังมันดันจำได้เองซะงั้น จนตัวเราเองยังแปลกใจ
ขอเพียงแค่ให้รู้สึกว่าสนุก มันจะทำไปได้เรื่อย ๆ
ส่วนตัวเมื่อก่อนตอนที่ยังไม่คิดจริงจังกับภาษาอังกฤษนี่
คือไม่สามารถสื่อสารเป็นประโยคได้เลยนะคะ
เพราะจำได้แค่คำศัพท์กับประโยคพื้นฐานสั้น ๆ
ขนาดเรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่อนุบาลจนถึง ม.ปลาย
ก็ยังได้แค่นี้ (น่าอนาถใจแท้)
เรียน ป.ตรี ก็เรียนแต่หลักสูตรภาษาไทย
ทำงานก็ใช้แต่ภาษาไทย
ไม่แปลกที่ภาษาอังกฤษเราจะ ห่วย!!
เราเริ่มจริงจังกับภาษาอังกฤษมาตั้งแต่ประมาณเดือนมิถุนายน
2557 ค่ะ
จากการฝึกฝนทุกวันวันละ 1- 2 ชั่วโมง จนเวลาผ่านไปประมาณ
6 เดือน
รู้สึกได้ว่าตัวเองมีพัฒนาการที่ดีขึ้น
แม้จะไม่มาก เพราะระหว่างนี้คือเป็นช่วงค้นหาวิธีการที่เหมาะสมกับตัวเอง
แต่เราก็สามารถสื่อสารได้มากกว่าเดิมเยอะ (แม้จะถูกบ้างผิดบ้าง)
และสามารถฟังเข้าใจได้มากกว่าแต่ก่อน
และสามารถฟังเข้าใจได้มากกว่าแต่ก่อน
สำหรับคนที่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษไม่แน่นอย่างเรา
จึงค่อนข้างพอใจกับผลที่ได้
และมั่นใจว่าเรามาถูกทางแล้ว
ด้วยความที่ค้นวิธีการเรียนมาเยอะ ลองมาหลายอย่าง แต่ใช่ว่าทุกวิธีจะใช่สำหรับเราไปเสียหมด
วิธีการฝึกฝนที่ใช่สำหรับเราและได้ทำไปในช่วง 6 เดือนแรก
วิธีการฝึกฝนที่ใช่สำหรับเราและได้ทำไปในช่วง 6 เดือนแรก
ก่อนจะตัดสินใจสมัครเป็นนักศึกษา มสธ. จะมาแชร์ในตอนหน้าค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น