วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2558

เลิกท่องคำศัพท์

หลาย ๆ คนจะชอบบอกว่าถ้าอยากเก่งภาษาอังกฤษต้องท่องคำศัพท์
ต้องจำให้ได้เยอะ ๆ  ส่วนตัวเคยพยายามท่องวันละ 10 -20 คำทุกวันค่ะ
แต่มันจำไม่ได้ทั้งหมดอะ  ก็เลยมานั่งนึก ๆ ดูว่าไอ้คำที่เราจำได้น่ะ
เราจำมันได้ยังไงแว้??  

พอมานั่งระลึกดูดี ๆ
อ๋า....สติมาปัญญาเกิด ที่จำได้น่ะเพราะเราใช้บ่อยนั่นเอง
บางคำเจอบ่อยมาก แต่จำไม่ได้สักที
ต้องเปิดดิกฯ(ออนไลน์) ทุกครั้งที่เจอคำนี้
พอเปิดไปเปิดมา จู่ ๆ จำได้เฉยเลยค่ะ
เพราะฉะนั้นใครที่ติดปัญหาแบบนี้อย่างเพิ่งเครียด
อย่ารำคาญตัวเองแล้วเห็นว่าการเปิดดิกฯ เป็นปัญหา
ลองคิดว่ามันเป็นเกมค่ะ  มันจะรู้สึกว่าก็สนุกดีนี่

เวลาเราเล่นเกม ถ้าเราไม่เก่งพอจะผ่านไปด่านใหม่
เราก็ต้องเล่นซ้ำด่านเดิมใช่ไหมล่ะ
พอเราเล่นซ้ำ เราจะก็เริ่มจำรายละเอียดของด่านนั้นได้
จะเริ่มรู้ทางละว่าเล่นแบบไหนถึงจะผ่านด่านนี้ไปได้
การเปิดดิกฯ ก็เหมือนกัน
ลืมเหรอ....เปิดดิกฯ  ...อ้าว! ลืมอีกแล้ว  เปิดดิกฯ อีกทีซิ
พอถึงจุด ๆ หนึ่งเราจะจำได้เองโดยที่ตัวเองก็จะงง ๆ
แล้วอุทานว่า จำได้แล้วเหรอเนี่ย ??
การท่องศัพท์สำหรับเราแล้วมันไม่ค่อยได้ผลค่ะ
(ขี้เกียจท่องด้วยแหละ)
ก็เลยเลิกทำแล้ว แต่ถ้าใครที่ทำแล้วรู้สึกว่าดี
เราก็สนับสนุนให้ทำต่อนะคะ
เพราะวิธีของเราบางคนก็อาจจะคิดว่าเสียเวลาสู้ท่องไปเลยดีกว่า
แต่สำหรับเราแล้ว
เหตุผลในการเลือกวิธีการพัฒนาทักษะ
คือ ทำแล้วสนุก ค่ะ

Practice makes perfect.

วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2558

ทักษะที่เพิ่มขึ้นจากเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเอง

เรามีความรู้ภาษาอังกฤษพื้นฐานระดับ ม.ปลาย ค่ะ
เราเรียนสายวิทย์-คณิตฯ มา และภาษาไม่ได้เน้น
เมื่อเริ่มต้นเรียน มสธ. แขนงวิชาภาษาอังกฤษ
เราไม่เก่งเลยเมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น
แต่เราไม่ท้อค่ะ ด้วยความเชื่อที่ว่าคนเราสามารถพัฒนาตัวเองได้
เราจึงเพิ่มความพยายามในการเรียนรู้
โดยเริ่มจากเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมในการเรียนให้เป็นภาษาอังกฤษ
เช่น เปลี่ยนเมนูในมือถือเป็นภาษาอังกฤษ 
ดาวน์โหลดแอพฯแปลภาษามาใช้
ติดตามแฟนเพจ/ทวิตเตอร์ ในเรื่องที่สนใจที่โพสเป็นภาษาอังกฤษ ฯลฯ
แม้จะต้องเปิดดิกชันนารีบ่อยแค่ไหน ก็ทำค่ะ
คำศัพท์บางคำแม้จะค้นหลายครั้งแล้วแต่ก็ยังจำไม่ได้
เราไม่เครียดค่ะ เพราะเอาจริง ๆ แล้วไม่ใช่เราคนเดียวที่เป็นแบบนั้น
ก็ตอนหลังมันดันจำได้เองซะงั้น จนตัวเราเองยังแปลกใจ
ขอเพียงแค่ให้รู้สึกว่าสนุก มันจะทำไปได้เรื่อย ๆ

ส่วนตัวเมื่อก่อนตอนที่ยังไม่คิดจริงจังกับภาษาอังกฤษนี่
คือไม่สามารถสื่อสารเป็นประโยคได้เลยนะคะ
เพราะจำได้แค่คำศัพท์กับประโยคพื้นฐานสั้น ๆ  
ขนาดเรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่อนุบาลจนถึง ม.ปลาย
ก็ยังได้แค่นี้ (น่าอนาถใจแท้)
เรียน ป.ตรี ก็เรียนแต่หลักสูตรภาษาไทย ทำงานก็ใช้แต่ภาษาไทย
ไม่แปลกที่ภาษาอังกฤษเราจะ ห่วย!!

เราเริ่มจริงจังกับภาษาอังกฤษมาตั้งแต่ประมาณเดือนมิถุนายน 2557 ค่ะ
จากการฝึกฝนทุกวันวันละ 1- 2 ชั่วโมง จนเวลาผ่านไปประมาณ 6 เดือน
รู้สึกได้ว่าตัวเองมีพัฒนาการที่ดีขึ้น
แม้จะไม่มาก เพราะระหว่างนี้คือเป็นช่วงค้นหาวิธีการที่เหมาะสมกับตัวเอง
แต่เราก็สามารถสื่อสารได้มากกว่าเดิมเยอะ (แม้จะถูกบ้างผิดบ้าง)
และสามารถฟังเข้าใจได้มากกว่าแต่ก่อน
สำหรับคนที่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษไม่แน่นอย่างเรา
จึงค่อนข้างพอใจกับผลที่ได้ และมั่นใจว่าเรามาถูกทางแล้ว


ด้วยความที่ค้นวิธีการเรียนมาเยอะ ลองมาหลายอย่าง แต่ใช่ว่าทุกวิธีจะใช่สำหรับเราไปเสียหมด
วิธีการฝึกฝนที่ใช่สำหรับเราและได้ทำไปในช่วง 6 เดือนแรก 
ก่อนจะตัดสินใจสมัครเป็นนักศึกษา มสธ. จะมาแชร์ในตอนหน้าค่ะ

วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2558

ตัดสินใจสมัครเป็นนักศึกษา มสธ. สาขาวิชาศิลปศาสตร์ แขนงวิชาภาษาอังกฤษ

สวัสดีค่ะ 
ไม่ได้อัพบล็อกเสียนานหลายเดือนเลย
แต่ช่วงที่ผ่านไม่ได้หมายความว่าจะทิ้งการฝึกภาษาอังกฤษไปไหนนะคะ
ตอนนี้ตัดสินใจลงทะเบียนเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
สาขาวิชาศิลปศาสตร์ แขนงวิชาภาษาอังกฤษค่ะ (เฟรชชี่ปี 1 นะนี่นะจิบอกให้ อิอิ)
เหตุผลที่ตัดสินใจลงเรียนก็เพื่อใช้เป็นการประเมินผลด้วยวิธีการในระบบค่ะ  
ส่วนตัวเห็นว่าการฝึกฝนด้วยตนเองเป็นสิ่งที่ดี ยิ่งมีวินัยในตนเองคอยกำกับก็จะได้ผลดียิ่งขึ้น
แต่การประเมินตัวเองเนี่ย บางครั้งเราก็อาจจะเข้าข้างตัวเองมากเกินไปก็ได้
การวัดผลที่จับต้องได้จึงเป็นส่วนหนึ่งในการติดตามความก้าวหน้าค่ะ 
หลังจากนี้จะคอยอัพประสบการณ์การเรียนไปเรื่อย ๆ นะคะ

Hello  
Long time no see.
Now, I'm in my first year of studies at Sukhothai Thammathirat Open University.
Actually, I don’t have to use English in my work, but I like to learn it.
I hope someday I can use English fluently and naturally.
I believe I can do it.
Practices make perfect.