วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Procrastination การผัดวันประกันพรุ่ง


และแล้วก็ผัดวันประกันพรุ่งจนทำให้ลืมอัพบล็อกอีกแล้ว
พอจะอัพครั้งนี้ก็เลยนึกถึงสำนวนไทยที่ว่า "ผัดวันประกันพรุ่ง" ขึ้นมาได้ 
จึงค้นดูใน google ทำให้จำคำศัพท์ใหม่และวิธีการใช้ได้อีก 2 คำ
คือคำว่า procrastination และ procrastinate

procrastination  เป็นคำนาม
หมายถึง การกระทำที่ล่าช้าหรือเลื่อนกำหนดการที่จะทำบางสิ่งบางอย่างออกไป
แปลเป็นสำนวนไทยได้ว่า การผัดวันประกันพรุ่ง นั่นเอง
ตัวอย่างประโยค
your first tip is to avoid procrastination.
Procrastination will cause your work to pile up.

ส่วนคำว่า procrastinate เป็นคำกริยา
หมายถึง ล่าช้า รีรอ หรือเลื่อนการกระทำออกไป  ผัดวันประกันพรุ่ง
 ตัวอย่างประโยค
When you're under too much emotional stress, you vacillate and procrastinate,
especially when it has something to do with money.
You shouldn't procrastinate because it will cause your work to pile up.
If you procrastinate your work will pile up.

ส่วนวิธีการออกเสียง
ดูได้ในคลิปวิดิโอ อ.อดัม ได้เลยค่ะ 
(คลิปยาวประมาณ 3 นาที)






วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ไม่ได้ใช้ ...เดี๋ยวก็ลืม

ตั้งใจว่าจะอัพบล็อคทุก ๆ เดือนสุดท้ายก็ลืมจนได้
คนเราสมัยนี้กิจกรรมเยอะกันเหลือเกิน
แต่ส่วนตัวคิดว่าตัวเองคงยังตั้งใจไม่พอ
ทั้ง ๆ ที่ใช้คอมพิวเตอร์อยู่ทุกวันแท้ ๆ 
ยังลืมอัพบล็อคไปเสียได้

การเรียนรู้ภาษาอังกฤษก็เช่นกัน
เราเคยได้ยินคนพูดกันบ่อย ๆ ว่าเรียนมาไม่ได้ใช้ ยังไงก็ลืม
มันก็จริงนะคะ แต่ถ้าเราฝึกฝนมามากพอ
ถึงแม้ไม่ได้ใช้บ่อย ๆ แต่เราจะไม่ลืมค่ะ
เรียนมาแต่ไม่ซ้อม มันก็อ่อนซ้อมน่ะสิ จริงมั้ย?
แต่ถ้าเรียนมาและฝึกซ้อมจนคุ้นชินแล้ว
หลังจากนั้นแม้จะไม่ได้ไช้อีก
มันก็จะไม่ลืมค่ะ
อาจจะตะกุกตะกักไปบ้างตอนเริ่ม
เหมือนคนปั่นจักรยานนั่นแหละ
ถ้าปั่นเป็นแล้วถึงไม่ได้ปั่นมานานจับจักรยานอีกทียังไงก็ปั่นได้

บทสนทนาที่เคยฝึกฟังฝึกพูดมาจนคุ้นชิน
แม้จะไม่ได้ใช้มานาน แต่พอถึงเวลาเจอฝรั่งตัวเป็น ๆ 
ก็พอคุยกันรู้เรื่องได้อยู่นะเออ

ขอแค่ซ้อมให้คุ้นปากไว้ หลังจากนั้นแม้จะไม่ได้ใช้อีก
แต่สถานการณ์จริงจะทำให้มันใช้ได้ไปเองนั่นแหละ


วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ฟังซ้ำ ๆ จำได้อัตโนมัติ

ครั้งหนึ่งเคยได้ยินใครสักคนพูดในทำนองที่ว่า
ก่อนจะ Output ต้อง Input เสียก่อน นำเข้าก่อนนำออก 
แต่จำไม่ได้จริง ๆ ว่าใครพูด(ฟังมาเยอะเกิน)
ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมปกติของคนเรา
ที่ก่อนจะพูดอะไรออกไปก็ย่อมต้องมีข้อมูลเสียก่อน

หลักการง่าย ๆ สำหรับทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษที่ได้ผลอย่างน่าทึ่ง
คือ การฟังและพูดตามค่ะ
ถ้าเรายังฟังไม่คล่องออกเสียงไม่เก่ง
การหาบทสนทนาสั้น ๆ ง่าย ๆ มาฟังแล้วพูดออกเสียงตาม
โดยทำซ้ำ ๆ จะช่วยให้จำได้โดยอัตโนมัติ 

ส่วนตัวตอนเริ่มต้นใช้วิธีนี้ได้ซื้อหนังสือที่แถม CD/MP3  มาเล่มหนึ่งค่ะ
เปิดไฟล์เสียงบทสนทนาในชีวิตประจำวัน 
ฟังซ้ำ ๆ ฟังไปเรื่อย ๆ เวลาว่าง ๆ ค่ะ
อยู่ ๆ วันหนึ่งเราก็สามารถพูดโต้ตอบบทสนทนานั้นได้เอง
ซึ่งแล้วแต่ว่าจะสมมติว่าตัวเองว่าเป็นตัวละครตัวไหน
เช่น  บทสนทนาของปีเตอร์กับคุณแม่ ตอนคุณแม่ปลุกปีเตอร์ตอนเช้า
ถ้าเราสมมติตัวเองเป็นปีเตอร์ เวลาฟังแล้วก็จะพูดโต้ตอบกับคุณแม่เหมือนเราเป็นปีเตอร์เอง
วิธีนี้ทำให้จำประโยคที่้สนทนาได้และสามารถพูดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้นค่ะ

บทสนทนาในสถานการณ์ต่าง ๆ หาได้ง่าย ๆ และฟรี
ใน www.youtube.com  เสิรชคำว่า  English conversation ค่ะ

Practice makes perfect.


วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2558

เลิกท่องคำศัพท์

หลาย ๆ คนจะชอบบอกว่าถ้าอยากเก่งภาษาอังกฤษต้องท่องคำศัพท์
ต้องจำให้ได้เยอะ ๆ  ส่วนตัวเคยพยายามท่องวันละ 10 -20 คำทุกวันค่ะ
แต่มันจำไม่ได้ทั้งหมดอะ  ก็เลยมานั่งนึก ๆ ดูว่าไอ้คำที่เราจำได้น่ะ
เราจำมันได้ยังไงแว้??  

พอมานั่งระลึกดูดี ๆ
อ๋า....สติมาปัญญาเกิด ที่จำได้น่ะเพราะเราใช้บ่อยนั่นเอง
บางคำเจอบ่อยมาก แต่จำไม่ได้สักที
ต้องเปิดดิกฯ(ออนไลน์) ทุกครั้งที่เจอคำนี้
พอเปิดไปเปิดมา จู่ ๆ จำได้เฉยเลยค่ะ
เพราะฉะนั้นใครที่ติดปัญหาแบบนี้อย่างเพิ่งเครียด
อย่ารำคาญตัวเองแล้วเห็นว่าการเปิดดิกฯ เป็นปัญหา
ลองคิดว่ามันเป็นเกมค่ะ  มันจะรู้สึกว่าก็สนุกดีนี่

เวลาเราเล่นเกม ถ้าเราไม่เก่งพอจะผ่านไปด่านใหม่
เราก็ต้องเล่นซ้ำด่านเดิมใช่ไหมล่ะ
พอเราเล่นซ้ำ เราจะก็เริ่มจำรายละเอียดของด่านนั้นได้
จะเริ่มรู้ทางละว่าเล่นแบบไหนถึงจะผ่านด่านนี้ไปได้
การเปิดดิกฯ ก็เหมือนกัน
ลืมเหรอ....เปิดดิกฯ  ...อ้าว! ลืมอีกแล้ว  เปิดดิกฯ อีกทีซิ
พอถึงจุด ๆ หนึ่งเราจะจำได้เองโดยที่ตัวเองก็จะงง ๆ
แล้วอุทานว่า จำได้แล้วเหรอเนี่ย ??
การท่องศัพท์สำหรับเราแล้วมันไม่ค่อยได้ผลค่ะ
(ขี้เกียจท่องด้วยแหละ)
ก็เลยเลิกทำแล้ว แต่ถ้าใครที่ทำแล้วรู้สึกว่าดี
เราก็สนับสนุนให้ทำต่อนะคะ
เพราะวิธีของเราบางคนก็อาจจะคิดว่าเสียเวลาสู้ท่องไปเลยดีกว่า
แต่สำหรับเราแล้ว
เหตุผลในการเลือกวิธีการพัฒนาทักษะ
คือ ทำแล้วสนุก ค่ะ

Practice makes perfect.

วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2558

ทักษะที่เพิ่มขึ้นจากเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเอง

เรามีความรู้ภาษาอังกฤษพื้นฐานระดับ ม.ปลาย ค่ะ
เราเรียนสายวิทย์-คณิตฯ มา และภาษาไม่ได้เน้น
เมื่อเริ่มต้นเรียน มสธ. แขนงวิชาภาษาอังกฤษ
เราไม่เก่งเลยเมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น
แต่เราไม่ท้อค่ะ ด้วยความเชื่อที่ว่าคนเราสามารถพัฒนาตัวเองได้
เราจึงเพิ่มความพยายามในการเรียนรู้
โดยเริ่มจากเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมในการเรียนให้เป็นภาษาอังกฤษ
เช่น เปลี่ยนเมนูในมือถือเป็นภาษาอังกฤษ 
ดาวน์โหลดแอพฯแปลภาษามาใช้
ติดตามแฟนเพจ/ทวิตเตอร์ ในเรื่องที่สนใจที่โพสเป็นภาษาอังกฤษ ฯลฯ
แม้จะต้องเปิดดิกชันนารีบ่อยแค่ไหน ก็ทำค่ะ
คำศัพท์บางคำแม้จะค้นหลายครั้งแล้วแต่ก็ยังจำไม่ได้
เราไม่เครียดค่ะ เพราะเอาจริง ๆ แล้วไม่ใช่เราคนเดียวที่เป็นแบบนั้น
ก็ตอนหลังมันดันจำได้เองซะงั้น จนตัวเราเองยังแปลกใจ
ขอเพียงแค่ให้รู้สึกว่าสนุก มันจะทำไปได้เรื่อย ๆ

ส่วนตัวเมื่อก่อนตอนที่ยังไม่คิดจริงจังกับภาษาอังกฤษนี่
คือไม่สามารถสื่อสารเป็นประโยคได้เลยนะคะ
เพราะจำได้แค่คำศัพท์กับประโยคพื้นฐานสั้น ๆ  
ขนาดเรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่อนุบาลจนถึง ม.ปลาย
ก็ยังได้แค่นี้ (น่าอนาถใจแท้)
เรียน ป.ตรี ก็เรียนแต่หลักสูตรภาษาไทย ทำงานก็ใช้แต่ภาษาไทย
ไม่แปลกที่ภาษาอังกฤษเราจะ ห่วย!!

เราเริ่มจริงจังกับภาษาอังกฤษมาตั้งแต่ประมาณเดือนมิถุนายน 2557 ค่ะ
จากการฝึกฝนทุกวันวันละ 1- 2 ชั่วโมง จนเวลาผ่านไปประมาณ 6 เดือน
รู้สึกได้ว่าตัวเองมีพัฒนาการที่ดีขึ้น
แม้จะไม่มาก เพราะระหว่างนี้คือเป็นช่วงค้นหาวิธีการที่เหมาะสมกับตัวเอง
แต่เราก็สามารถสื่อสารได้มากกว่าเดิมเยอะ (แม้จะถูกบ้างผิดบ้าง)
และสามารถฟังเข้าใจได้มากกว่าแต่ก่อน
สำหรับคนที่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษไม่แน่นอย่างเรา
จึงค่อนข้างพอใจกับผลที่ได้ และมั่นใจว่าเรามาถูกทางแล้ว


ด้วยความที่ค้นวิธีการเรียนมาเยอะ ลองมาหลายอย่าง แต่ใช่ว่าทุกวิธีจะใช่สำหรับเราไปเสียหมด
วิธีการฝึกฝนที่ใช่สำหรับเราและได้ทำไปในช่วง 6 เดือนแรก 
ก่อนจะตัดสินใจสมัครเป็นนักศึกษา มสธ. จะมาแชร์ในตอนหน้าค่ะ

วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2558

ตัดสินใจสมัครเป็นนักศึกษา มสธ. สาขาวิชาศิลปศาสตร์ แขนงวิชาภาษาอังกฤษ

สวัสดีค่ะ 
ไม่ได้อัพบล็อกเสียนานหลายเดือนเลย
แต่ช่วงที่ผ่านไม่ได้หมายความว่าจะทิ้งการฝึกภาษาอังกฤษไปไหนนะคะ
ตอนนี้ตัดสินใจลงทะเบียนเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
สาขาวิชาศิลปศาสตร์ แขนงวิชาภาษาอังกฤษค่ะ (เฟรชชี่ปี 1 นะนี่นะจิบอกให้ อิอิ)
เหตุผลที่ตัดสินใจลงเรียนก็เพื่อใช้เป็นการประเมินผลด้วยวิธีการในระบบค่ะ  
ส่วนตัวเห็นว่าการฝึกฝนด้วยตนเองเป็นสิ่งที่ดี ยิ่งมีวินัยในตนเองคอยกำกับก็จะได้ผลดียิ่งขึ้น
แต่การประเมินตัวเองเนี่ย บางครั้งเราก็อาจจะเข้าข้างตัวเองมากเกินไปก็ได้
การวัดผลที่จับต้องได้จึงเป็นส่วนหนึ่งในการติดตามความก้าวหน้าค่ะ 
หลังจากนี้จะคอยอัพประสบการณ์การเรียนไปเรื่อย ๆ นะคะ

Hello  
Long time no see.
Now, I'm in my first year of studies at Sukhothai Thammathirat Open University.
Actually, I don’t have to use English in my work, but I like to learn it.
I hope someday I can use English fluently and naturally.
I believe I can do it.
Practices make perfect.